โครงการสร้างความมั่นคงด้านอาหารและรายได้สำหรับผู้สูงอายุโดยร่วมกับนักเรียนและเยาวชน ดำเนินการโดยโรงเรียนมีชัยพัฒนา ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมสร้างสรรค์สังคมผ่านพลังเยาวชนรุ่นใหม่ โดยการให้นักเรียนจากโรงเรียนมีชัยพัฒนาทำหน้าที่ส่งต่อความรู้ด้านการสร้างความมั่นคงด้านอาหารให้กับผู้สูงอายุในชุมชน เพราะเชื่อว่าโรงเรียนคือประตูสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเน้นไปยังกลุ่มเปราะบางที่สุดของสังคม คือ ผู้สูงอายุ ปัจจุบันดำเนินการไปแล้วจำนวน 5 หมู่บ้าน รวม 75 ครอบครัว ผลจากการทำงานสร้างแรงกระเพื่อมให้หมู่บ้านอื่น ๆ โดยรอบอยากเข้าร่วมโครงการ ทางโรงเรียนมีชัยพัฒนา ภายใต้การนำทัพของอาจารย์มีชัย วีระไวทยะ จึงประสงค์ขยายให้ครอบคลุมทั้ง 16 หมู่บ้านของตำบลโคกกลาง อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งพื้นที่อื่นๆ ที่แสดงผ่านคำพูดตอกย้ำถึงก้าวแรกแห่งความสำเร็จของอาจารย์มีชัย ว่า “เรากำลังเริ่มพิสูจน์ให้เห็นว่านี่คือ กลยุทธ์ใหม่ในการพัฒนาโดยมีโรงเรียนเป็นประตูไปสู่ความเจริญ เพราะโรงเรียนมีทรัพยากรพร้อมและเป็นเสมือนเพชรเม็ดใหม่ของการพัฒนา”
ปาท่องโก๋คู่ต่างวัยขับเคลื่อนพลังชุมชน
“ผู้สูงอายุเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้คนเห็นแสงสว่าง ซึ่งนับเป็นมาตรการใหม่ในการพัฒนา สร้างความเจริญและความเปลี่ยนแปลงให้ชุมชนนอกเมือง โดยใช้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา” คำกล่าวของอาจารย์มีชัย ที่หมายมั่นใช้กระบวนการทำงานเชื่อมความต่างระหว่างรุ่นให้เกิดความสมัครสมานกลมเกลียวในชุมชน โดยกระบวนการที่ชื่อว่า คู่กันเป็นปาท่องโก๋ โดยเน้นการจับคู่เพื่อทำงานร่วมกันระหว่างผู้สูงอายุและเยาวชน ดังคำกล่าวของคุณอัมพร มูลติปฐม หัวหน้าทีมปฏิบัติการอาวุโส เล่าว่า“เราจับคู่กันเน้นให้เยาวชนในหมู่บ้านหรือลูกหลานผู้สูงอายุที่ได้รับคัดเลือกหรือนักเรียนของโรงเรียนมีชัยพัฒนาจับคู่กับผู้สูงอายุแต่ละครอบครัวให้มาทำงานคู่กัน รวมถึงช่วยดูแลช่วยเหลือทั้งในเรื่องของแรงงานที่ผู้สูงอายุไม่สามารถทำได้และเรื่องของการเข้าไปให้ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรพื้นที่น้อย น้ำน้อย แรงน้อย เช่น การปลูกผักในเข่ง การทำถังหมักรักโลก การเพาะเห็ดนางฟ้า รวมถึงการเข้าไปดูเรื่องสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมในชุมชน” ซึ่งพบว่าความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ช่องว่างระหว่างวัยลดน้อยลง โดยผู้สูงอายุต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “โครงการนี้ทำให้มีความสุขมากขึ้น ไม่เหงา มีงานทำและมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการค้าขายพืชผักต่าง ๆ"